Climate Change Theme
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคของเรา การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลกนั้น อยู่ในหัวข้อที่ผู้ร่วมประชุม WEF ให้ความตระหนักในลำดับแรก ของความเสี่ยงระยะยาวที่โลกเผชิญ (ความเสี่ยงทั่วโลก 2033) ผู้นำในปัจจุบันต้องเผชิญกับปัญหาการร่วมงานกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคของเรา เพื่อจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการล่มสลายของระบบนิเวศของเรา เป็นที่ทราบดีว่าผลกระทบของอุณหภูมิที่ร้อนขึ้นและความเสื่อมโทรมของระบบนิเวศจะส่งผลร้ายแรงเพียงใดต่อชีวิตบนโลก แต่ยังมีอีกหลายอย่างที่เรายังไม่เข้าใจว่าเมื่อเราผ่านจุดเปลี่ยนของขอบเขตดาวเคราะห์แล้ว ชีวิตของมนุษยชาติจะเปลี่ยนไปอย่างถาวรได้อย่างไร เราไม่สามารถปล่อยให้ความกลัวและความไม่แน่นอนมาทำให้ให้มนุษยชาตินิ่งเฉยได้ ความจำเป็นเร่งด่วนของวิกฤตสภาพอากาศ หมายความว่าเราจำเป็นต้องพยายามปฏิบัติอย่างจริงจังและว่องไว เพื่อตอบสนองต่อ ความปกติใหม่ (New Normal) ของโลก สิ่งสำคัญที่สุดคือเราต้องทลายกำแพงการทำงานของแต่ละภาคส่วน และร่วมกันทำงานด้วยแนวทางระดับโลก ร่วมมือกันและ มีส่วนร่วม เพื่อสร้างความก้าวหน้าในการฟื้นฟูโลกและปกป้องอนาคตของมนุษยชาติ สิ่งที่คาดหวังสำหรับการจัดการด้านสภาพอากาศและธรรมชาติ แบ่งออกเป็น 4 เรื่อง ดังนี้
1. เราต้องเร่งการดำเนินการด้านสภาพอากาศสำหรับการเปลี่ยนแปลงสุทธิเป็นศูนย์และปรับให้เข้ากับความเป็นจริงของสภาพอากาศในปัจจุบัน รายงานล่าสุดของคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) ระบุชัดเจนว่าโลกจะมีอุณหภูมิสูงถึง 1.5 องศาเซลเซียส ภายในสองทศวรรษข้างหน้า การลดการปล่อยคาร์บอนลงสำคัญอย่างมากในขณะนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงหายนะทางสิ่งแวดล้อมแม้ในขณะที่ดำเนินการแก้ไขปัญหาการลดการปล่อยคาร์บอนและการปล่อยคาร์บอน ก็ยังต้องปรับตัวให้เข้ากับความเป็นจริงของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และจัดการกับความเสี่ยงในเชิงรุก อากาศที่หยุดชะงัก ดิน น้ำ และมหาสมุทรที่เสื่อมโทรม ต้องให้การสนับสนุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับชุมชนที่เปราะบางต่อสภาพภูมิอากาศ เพื่อหลีกเลี่ยงวิกฤตด้านมนุษยธรรม เพิ่มการลงทุนทางธุรกิจในความพยายามปรับสภาพอากาศเป็น 1.8 ล้านล้านดอลลาร์อาจสร้างผลประโยชน์สุทธิรวม 7.1 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี ค.ศ. 2030
คำมั่นสัญญาจำเป็นต้องแปลงเป็นแผนและการปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม ซึ่งสิ่งนี้ต้องการการทุ่มเททั้งทรัพยากรและเงินทุนเพื่อพัฒนากลยุทธ์ สร้างพันธมิตร วางความสามารถและโครงสร้างเพื่อติดตามความคืบหน้าและวัดประสิทธิภาพ
2. เราต้องดำเนินการทันทีเพื่อสร้าง เศรษฐกิจแบบ Nature Positive การแก้ไขปัญหาการปล่อยก๊าซคาร์บอนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นสิ่งสำคัญ แต่ก็ยังไม่เพียงพอ มีความจำเป็นเร่งด่วนในการดำเนินการของภาครัฐและเอกชนในประเด็นการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพและความเสื่อมโทรมของที่ดิน ระบบนิเวศที่สมบูรณ์และสมดุลจะสร้างความเท่าเทียมทางสังคม ส่งเสริมสังคมที่มีความสุขและมั่นคง รักษาและสร้างความมั่งคั่งระหว่างรุ่น มีประโยชน์ที่ชัดเจนในการลงทุนในธรรมชาติ การก้าวไปสู่เศรษฐกิจที่เป็นบวกต่อธรรมชาติมากขึ้นในด้านต่างๆ เช่น เกษตรกรรมหมุนเวียน เศรษฐกิจป่าไม้ สิ่งแวดล้อมและการออกแบบโครงสร้างพื้นฐาน และการหมุนเวียนของทรัพยากร สามารถเพิ่มโอกาสทางธุรกิจมูลค่า 10.1 ล้านล้านดอลลาร์ และสร้างงาน 400 ล้านตำแหน่งทั่วโลกภายในปี ค.ศ. 2023
3. เราต้องสร้างระบบอาหาร น้ำ และมหาสมุทรของเราขึ้นมาใหม่ ระบบอาหาร น้ำ และมหาสมุทรเป็นตัวขับเคลื่อนหลักสำหรับความยั่งยืน และเชื่อมโยงกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความหลากหลายทางชีวภาพ การดำรงชีวิต และการพัฒนาที่ครอบคลุม ระบบอาหารเกษตรปล่อยก๊าซเรือนกระจกถึงหนึ่งในสาม การใช้น้ำจืดมากกว่า 70% และการตัดไม้ทำลายป่าในเขตร้อนชื้น 80% และการสูญเสียที่อยู่อาศัย
ในปี ค.ศ. 2023 โลกจะเผชิญกับวิกฤตการณ์ด้านอาหารและน้ำที่เลวร้ายลง รวมถึงความขัดแย้งที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน การขาดแคลนปุ๋ยที่ส่งผลกระทบต่อผลผลิตที่จะเก็บเกี่ยวได้ ความเสียหายสภาพอากาศที่รุนแรงและความเสียหายต่อพื้นที่เพาะปลูก ปัญหาต่อเนื่องที่ตามมาก็คือผู้คนประสบปัญหาภาวะทุพโภชนาการ ปัจจุบันผู้คนมากกว่า 2 พันล้านคนที่ประสบนี้และ และตัวเลขเหล่านี้อาจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทุกวันนี้ การใช้อาหาร ที่ดิน และมหาสมุทรทั่วโลกคิดเป็นมูลค่า 10 ล้านล้านดอลลาร์หรือมากกว่า 12% ของ GDP โลก และมากกว่า 40% ของงานทั้งหมด ซึ่งเป็นตัวเลขที่ถูกประเมินต่ำไปอย่างมาก แนวทางการฟื้นฟูระบบอาหาร น้ำ และมหาสมุทรของเราสามารถปลดล็อกศักยภาพในการรวบรวมการเติบโตทางเศรษฐกิจและความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่และกำลังพัฒนา เราต้องลงทุนในระบบอาหาร น้ำ และมหาสมุทรของเราให้มีความยั่งยืนมากขึ้น ครอบคลุมมากขึ้น มีคุณค่าทางโภชนาการมากขึ้น ดีต่อสุขภาพและปราศจากมลพิษ และมีความยืดหยุ่นมากขึ้นในการรองรับผลที่ตามมา
4. เราต้องใช้ประโยชน์จากกลไกตลาดของการเงิน ข้อมูล และเทคโนโลยี เพื่อให้บรรลุเป้าหมายสุทธิเป็นศูนย์ ของเศรษฐกิจแบบ Nature Positive และเศรษฐกิจหมุนเวียน เราจำเป็นต้องใช้เครื่องมือและโซลูชันทั้งหมดที่เรามี แต่เราจะต้องพัฒนาและปรับขนาดโซลูชันทางการเงินและเทคโนโลยีใหม่ๆ ด้วย โดยเทคโนโลยีที่อยู่ระหว่างการพัฒนาจะมีส่วนช่วยในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกประมาณ 40% ตามการประมาณการของ International Energy Agency (IEA) แต่น่าเสียดายที่เทคโนโลยีเหล่านี้จำนวนมากยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น และยังไม่เติบโตหรือแข่งขันกับทางเลือกที่ปล่อยมลพิษสูงที่มีอยู่ การลงทุนใหม่ที่มีความเสี่ยงสูงและใช้เงินทุนสูงจะต้องรองรับการปรับใช้ในเชิงพาณิชย์ เราต้องมั่นใจว่าการลงทุนไหลเข้าสู่ตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนาเพื่อสนับสนุนวาระการพัฒนาและแผนการเปลี่ยนแปลง นอกจากนี้ เราต้องร่วมมือกันเพื่อใช้ประโยชน์จากข้อมูลเพื่อพัฒนาข้อมูลเชิงลึก เสริมสร้างการตัดสินใจเพื่อปรับตัวและลดความเสี่ยงด้านสภาพอากาศและธรรมชาติ เสริมความแข็งแกร่งและสร้างมูลค่าทางธุรกิจในระยะยาว
การประชุม World Economic Forum ประจำปี ค.ศ. 2023 จะเป็นการรวมตัวของผู้นำจากภาครัฐ ภาคธุรกิจ และภาคประชาสังคมเพื่อแลกเปลี่ยนมุมมอง ร่วมสร้างแนวทางแก้ไข และสร้างความร่วมมือในการดำเนินการด้านสภาพอากาศและธรรมชาติ
จากตารางข้างต้น พบว่า ปัญหาเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก ถูกมองเป็นความเสี่ยงตั้งแต่ทศวรรษที่แล้ว (ค.ศ. 2011) ข้อมูลถูกสำรวจโดยที่ประชุม WEF
แปลและเรียบเรียงโดย เต็มศิริ บัวหลวง
แหล่งอ้างอิง
World Economic Forum. (2023). Explore the report Retrived January 19, 2023, from https://es.weforum.org/reports/global-risks-report-2023
World Economic Forum. (2023). Davos 2023: What to expect for climate and nature action Retrived January 20, 2023, from https://www.weforum.org/agenda/2023/01/davos-2023-what-to-expect-for-climate-and-nature-action/
World Economic Forum. (2011). Global Risks Report 2011 Retrived January 19, 2023, from https://www.weforum.org/reports/global-risks-report-2011
เป็นบทความที่มีประโยชน์ และเราควรตะหนักวิเคราะห์การใช้ชีวิต